การเลือกเติมน้ำมัน 91 หรือ 95 เป็นคำถามที่เจ้าของรถหลายคนสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็อยากให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ วันนี้ เราจะมาเปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสีย ของน้ำมัน 91 กับ 95 ทั้งสองประเภท และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรเติมแบบไหน
1. ความแตกต่างระหว่างน้ำมัน 91 และ 95
คุณสมบัติ | เบนซิน 91 | เบนซิน 95 |
---|---|---|
ค่าออกเทน | 91 | 95 |
การเผาไหม้ | เผาไหม้เร็วกว่า | เผาไหม้ช้ากว่า แต่สมบูรณ์กว่า |
การป้องกันเครื่องยนต์น็อค | ป้องกันได้น้อยกว่า | ป้องกันได้ดีกว่า |
เหมาะกับ | รถที่มีอัตราส่วนกำลังอัดต่ำ-ปานกลาง | รถที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูง |
ประสิทธิภาพ | อาจมีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ในบางกรณี | เผาไหม้สมบูรณ์ ลดคราบเขม่าในเครื่องยนต์ |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
ค่าออกเทน คือค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานการน็อคของเครื่องยนต์ หากรถที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงเติมน้ำมันออกเทนต่ำ อาจเกิดปัญหาเครื่องยนต์เขก (Knocking) ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วขึ้น
2. น้ำมัน 91 หรือ 95 ดีกว่า?
ขึ้นอยู่กับประเภทของรถและเครื่องยนต์
- รถที่ออกแบบมาให้ใช้ เบนซิน 91 สามารถเติม 95 ได้ แต่จะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก
- รถที่ถูกออกแบบให้ใช้ เบนซิน 95 ควรเติม 95 เท่านั้น หากเติม 91 อาจเกิดอาการเครื่องยนต์เขก และลดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
ในเรื่องของประสิทธิภาพ
- เบนซิน 95 เผาไหม้สมบูรณ์กว่า ทำให้เครื่องยนต์ทำงานราบรื่น ลดคราบเขม่า และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
- เบนซิน 91 เผาไหม้เร็วกว่า อาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้น และมีโอกาสเกิดเขม่ามากกว่าหากใช้เป็นระยะเวลานาน
ในเรื่องของความคุ้มค่า
- หากรถสามารถใช้ 91 ได้ตามปกติ และไม่ต้องการสมรรถนะสูงสุด การเติม 91 จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
- หากต้องการให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และลดการสึกหรอในระยะยาว การเติม 95 จะดีกว่า
3. สรุปว่าเติมอะไรดีกว่ากัน?
- เติมน้ำมันตามที่คู่มือรถกำหนดดีที่สุด ไม่ควรเติมออกเทนต่ำกว่าที่กำหนด
- เบนซิน 95 เหมาะกับรถที่ต้องการสมรรถนะสูงและต้องการการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
- เบนซิน 91 เหมาะกับรถที่ออกแบบมาให้รองรับ 91 และเน้นประหยัดค่าใช้จ่าย
หากรถของคุณสามารถใช้ ทั้ง 91 และ 95 ได้ และต้องการถนอมเครื่องยนต์ในระยะยาว เติม 95 จะดีกว่า แต่ถ้าต้องการประหยัด 91 ก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้